ร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม

เทคนิคเลือกดูร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง

Lifestyle

สำหรับของมือสอง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้า สิ่งของตกแต่งสำหรับนักสะสม รองเท้าหรือแม้กระทั้งกระเป๋า ต่างก็เป็นที่ต้องการของใครหลายคนกันอยู่เรื่อยๆ ครับ แต่ทุกครั้งที่เราได้ไปเดินร้านมือสอง สิ่งที่ต้องพึ่งระวังนั้นก็คือ ของที่ชำรุดเพราะจะทำให้ไม่คุ้มค่ากับการเสียเงินเพื่อนำกระเป๋าเหล่านั้นมาใช้งาน อีกทั้งหากท่านเป็นผู้ที่สนใจในความเป็นแบรนด์และต้องเป็นของแท้ถึงจะซื้อแล้วหล่ะก็…ควรที่ต้องมีความรู้พอสมควรเลยหล่ะครับ บทความนี้จะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “เทคนิคเลือกดูร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง” กันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันเล้ยย!!

4 เทคนิคเลือกดูร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง

ต้องมีความรู้เกี่ยวกับกระเป๋าแบรนด์เนมในด้านต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อกระเป๋าซึ่งมีดังนี้

เช็กสภาพกระเป๋าให้ดีก่อนซื้อ กระเป๋าแบรนด์เนมมือสองราคาจะลดลงมาเยอะรึเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าใบนั้นผลิตปีไหน สภาพดีรึเปล่า ถ้ามีรอยขีดข่วนเยอะ สีดร็อป ราคาก็จะลดลงเรื่อยๆ ตามสภาพกันไป และในสมัยนี้ คนนิยมเอากระเป๋าไปทำสปาหรือที่มีความหมายในเชิงการซ่อมบำรุงกระเป๋ากันเยอะมาก ซึ่งบอกเลยว่าถ้ากระเป๋าใบไหนถูกเอาไปทำสปาแล้วสีของหนังมันจะเพี้ยนไปจากเดิมไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นมันก็จะขายไม่ได้ราคา จนบางร้านคือไม่รับซื้อต่อเลยนะ มันไม่ Original ไม่ Classic แล้วอะ เราต้องเช็กให้ดีว่ากระเป๋าที่เรากำลังจะซื้อผ่านการทำสปามารึเปล่า รุ่นนี้หนังจริงๆ เป็นสีอะไร เอามาเทียบกันชัดๆ จะได้เสียใจในภายหลังนั้นเองครับ

เช็ก Logo Stamp ของแต่ละแบรนด์ว่าเป็นของแท้หรือไม่?  ปกติแล้ว Logo Stamp ของแต่ละแบรนด์นั่นเองค่ะ เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เราควรสังเกต เพราะจะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไป

●Serial Number ในการ์ดและ Tag กระเป๋าต้องตรงกัน ย่างกระเป๋าของ Chanel เค้าจะมีตัวการ์ดที่ให้มาด้วยตอนซื้อกระเป๋า ของแท้จะไม่มีซองพลาสติกใสใส่มาด้วย และขอบสีทองบนการ์ดของแท้จะไม่เป็นสีรุ้งถ้าเอาไปส่องกับไฟ ส่วนในการ์ดเค้าก็จะมีตัวเลข 8 หลักใส่มาด้วย ตัวเลขสองตัวหน้าคือโค้ดปีที่ผลิต แต่จะไม่ใช่ว่าผลิตตามเลขนั้นตรงๆ เราต้องไปเช็กอีกทีว่าเลขนี้คือผลิตในปีไหน ที่สำคัญเจ้าตัวเลขนี่จะต้องตรงกับตัวเลขใน Tag ที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋านี้นั้นเอง

เช็ก Date Code ของกระเป๋า กระเป๋าแบรนด์เนมส่วนใหญ่จะมี Date Code ในกระเป๋าซ่อนไว้อยู่เกือบทุกใบเลยนะ ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋า Hermès จะเป็นแบบ Stamp ปั๊มไว้อยู่ด้านในสายกระเป๋าเป็นตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ, Chanel จะเป็นป้าย Tag อยู่ในกระเป๋าด้านล่างเลย, Coach เป็นป้ายหนังสีเหลี่ยมที่เย็บติดกับซับในด้านในกระเป๋า ขึ้นด้วย NO แล้วตามด้วยตัวเลข, Louis Vuitton ค่อนข้างจะหา Date Code ยากหน่อยเพราะแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ตามขอบในกระเป๋า สาย หรือห่วงต่างๆ

2 รุ่นกระเป๋าแบรนด์เนมที่น่าเก็บสะสม

●CHANEL Classic หรือที่รู้จักกันในชื่อ 11.12 เป็นกระเป๋าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกระเป๋า CHANEL 2.55 โดยรูปทรงของกระเป๋ารุ่นนี้เป็นแบบเดียวกับรุ่น 2.55 แต่เนื่องจากกระเป๋าได้รับการผลิตในช่วงในยุค 80s Karl จึงออกแบบให้หนังของกระเป๋าดูเก่าราวกับว่าผ่านการใช้งานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็น Signature เลยก็ว่าได้ สงวนราคาสำหรับรับซื้อกระเป๋าชาแนลใบนี้อยู่ที่ประมาณ 250,000 บาทขึ้นไป

●CHANEL’s Gabrielle เป็นกระเป๋า Unisex ใบแรกของเบรนด์ และแบรนด์มีการตั้งกลุ่มเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่าจะต้องเป็น วัยรุ่น จึงเหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ชื่นชอบการแต่งตัวแนว Street สงวนราคาสำหรับรับซื้อกระเป๋าชาแนลใบนี้อยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทขึ้นไป

สุดท้ายนี้การเลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมที่ดีนั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้ซื้อเป็นหลัก ดังนั้นแล้ว ควรศึกษาแนวทางให้ดีพร้อมกับตรวจสอบอย่างแน่ชัดเสมอๆ ก่อนตัดสินใจซื้อกันนะครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *