แม้จะเป็นคนระมัดระวังแค่ไหน แต่อุบัติเหตุก็มักเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งถ้าเป็นรอยฟกช้ำดำเขียวยังถือว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นแผลถลอกหรืออาจมีเลือดออกร่วมด้วย ในลักษณะของแผลสด (Acute Wound) เช่น มีดบาด หกล้ม โดนประตูหนีบ ฯลฯ ก็จะเริ่มเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ทั้งอาบน้ำลำบากเพราะต้องระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ ต้องเปลี่ยนผ้าปิดแผลบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้อับชื้น และที่สำคัญคือต้องระวังไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นที่คอยตามติดไปตลอดชีวิตด้วย
อ่านแล้วอาจดูน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ขนาดนั้น เพราะถ้าเรารักษาแผลสดอย่างถูกวิธี ใช้ยาทาแผลสดครบทุกขั้นตอน และดูแลต่อเนื่อง แผลก็จะหายไวและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ขั้นตอนรักษาแผลสด
“แผลสด” คือสิ่งที่ทุกคนต้องเคยเจอสักครั้งในชีวิต แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้วิธีการทำแผลประเภทนี้ให้ถูกต้อง เพราะในอดีตอาจถูกสอนมาแบบหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น ยาทาแผลสดบางตัว เช่น ยาแดง (Mercurochrome 2%) ก็เลิกนิยมกันไปแล้ว ดังนั้นมาอัปเดทกันดีกว่าว่าขั้นตอนรักษาแผลสดล่าสุดนี้เป็นอย่างไร
1. ล้างแผลสดด้วยน้ำเกลือ 0.9%
น้ำเกลือหรือสารละลายโซเดียมคลอไรด์ เป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่ควรมีติดบ้าน เพราะมีความบริสุทธิ์และเข้มข้นใกล้เคียงกับน้ำในเซลล์ผิวมนุษย์ จึงไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณที่แผลเปิด ไม่แสบ ไม่คัน ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น เหมาะสำหรับการนำมาล้างสิ่งสกปรกออกจากแผลและฆ่าเชื้อโรค
2. ใช้แอลกอฮอล์หรือโพรวิโดนไอโอดีนอย่างระมัดระวัง
ตอนเด็ก ๆ คงเคยสัมผัสกับความแสบทุรนทุรายเพราะเอาสิ่งเหล่านี้ทาแผลกันมาบ้างแล้ว เพราะถึงแม้แอลกอฮอล์และโพรวิโดนไอโอดีนจะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แต่ขณะเดียวกันก็กัดกร่อนเนื้อเยื่อด้วย จึงไม่ควรนำมาล้างบนแผลโดยตรง แต่ให้นำมาทารอบแผลแทน โดยเว้นระยะห่างจากปากแผลเล็กน้อย และใช้สำหรับแผลที่มีความสกปรกมากเท่านั้น ส่วนแผลสดเพียงเล็กน้อยสามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้เลย
3. ใช้ยาทาแผลสดลดรอยแผลเป็น
หลังจากผ่านขั้นตอนทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแผลกันมาแล้ว ต่อไปคือการสร้างความชัวร์ว่าแผลจะไม่ทิ้งรอยเอาไว้ ด้วยยาทาแผลสด เช่น แบคเท็กซ์ (Bactex) ที่มีตัวยา Mupirocin ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย และมีสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ลดการเกิดแผลแห้ง แตกเป็นสะเก็ด รวมถึงลดโอกาสเกิดแผลเป็นในระยะยาว สามารถใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
4. ปิดแผลให้เรียบร้อย
ถ้าเป็นแผลสด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ควรปิดแผลเอาไว้แต่ระมัดระวังอย่าให้แน่นเกิน เพื่อป้องกันเชื้อโรค และควรเปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกครั้งที่ทำแผล คืออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อลดความหมักหมมของสารคัดหลั่งจากแผล
ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาทาแผลสด
- ที่คนไม่นิยมใช้ยาแดงเป็นยาทาแผลสดกันแล้ว เพราะมีส่วนประกอบของปรอท หากใช้จำนวนมากและยาวนานอาจเกิดพิษสะสมในร่างกายได้
- การใช้แอสไพรินโรยแผลเสมือนเป็นยาทาแผลสดรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้ช่วยให้แผลหายเร็ว แต่จะเพิ่มความเสี่ยงจากอาการไม่พึงประสงค์หรือแพ้ยาอย่างรุนแรงได้
- ถ้าสิ่งที่ทำให้เกิดแผลมีความสกปรกมาก เช่น มีดขึ้นสนิม โลหะเปื้อนดิน เป็นต้น การใช้ยาทาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ผู้ประสบเหตุควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาถึงการฉีดยากันบาดทะยักเพิ่มเติมด้วย
นอกจากจะทำแผลด้วยยาทาแผลสดเป็นประจำและทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดแล้ว อย่าลืมที่จะดูแลแผลอย่างต่อเนื่องด้วยการไม่แกะหรือเกาแผล และทานอาหารที่มีสารอาหารจำพวกโปรตีน ไขมันอิ่มตัว วิตามินเอ วิตามินซี และธาตุเหล็กควบคู่กันไปด้วย เพื่อช่วยให้แผลสมานได้เร็วขึ้น หายไวขึ้น รวมทั้งไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้ช้ำใจอย่างแน่นอน